วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2559

งดงามอย่างไทย ร่วมใจอนุรักษ์โสร่ง






                                                        งดงามอย่างไทย ร่วมใจอนุรักษ์โสร่ง


นายทวีศักดิ์                                  จันทร์งาม                 เลขที่ 4
นางสาวสัตตกมล                           บรรลืมทรัพย์            เลขที่ 18
นางสาวพรรณทิพา                         พงษ์โพธิ์ชัย              เลขที่ 19
นางสาวปิยธิดา                             สังโสมา                   เลขที่ 21
นางสาวบุษยมาศ                           บุญมา                     เลขที่ 28
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/7


เสนอ
นางปานชนก             ขันอ่อน

รายงานเชิงวิชาการฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาวิชาการศึกษาค้นคว้าและการนำเสนอ (I31202)
โรงเรียนสุรวิทยาคาร  จังหวัดสุรินทร์

ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558





บทคัดย่อ
          รายงานเชิงวิชาการเรื่อง งดงามอย่างไทย ร่วมใจอนุรักษ์โสร่ง มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาความเป็นมาของโสร่ง 2. เพื่อศึกษาวิธีการทำผ้าโสร่ง 3. เพื่อนำความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่แก่คนรุ่นต่อไป มีวิธีการรวบรวมข้อมูล คือศึกษาจากผู้รู้ คือวิทยากรชุมชนและศึกษาค้นคว้าผ่านแหล่งเรียนรู้ทั้งในและนอกสถานศึกษา
        ผลการศึกษาพบว่า จากการศึกษาประวัติความเป็นมาและวิธีการทอผ้าโสร่งพบว่าผ้าโสร่ง เป็นผ้าทอของคนในสมัยก่อน เป็นผ้าฝ้ายที่ทอด้วยมือ ผ้าโสร่งจะเย็บติดกันไป เวลาใส่ก็จะพันรอบๆตัวเราเหมือนผ้าโสร่งทั่วๆไป แล้วก็จะเอาเข็มขัดมาใส่ไว้ที่เอวเพื่อให้ผ้าที่สวมใส่มีความกระชับมากขึ้นและไม่ให้หลุดออกจากตัว



                                                                         กิตติกรรรมประกาศ
              รายงานเชิงวิชาการเรื่อง  งดงามอย่างไทย ร่วมใจอนุรักษ์โสร่ง  สำเร็จลงได้ด้วยความร่วมมือจาก          นางบุษยมาส     เจือจันทร์   ผู้ทอผ้าโสร่งอำเภอจอมพระ  จังหวัดสุรินทร์  นางมอญ   เจือจันทร์  ผู้ทอผ้าโสร่งอำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์  นางหอม   จันทร์งาม      ผู้ทอผ้าโสร่ง      อำเภอท่าตูม  คณะผู้จัดทำขอกราบขอบพระคุณทุกท่านมา ณ  โอกาสนี้
          ขอขอบพระคุณ  นางปานชนก   ขันอ่อน ครูที่ปรึกษา  ที่ได้ให้คำแนะนำ  และคอยช่วยเหลือในการจัดทำรายงานจนสำเร็จลุล่วง 
          ขอขอบพระคุณบิดามารดาของคณะผู้จัดทำ  ที่ให้การสนับสนุนในการศึกษาเล่าเรียนและคอยเป็นกำลังใจให้รายงานสำเร็จลุล่วงด้วยดี  คณะผู้จัดทำขอกราบขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้

ทวีศักดิ์  จันทร์งามและคณะ
                                                                                          พฤศจิกายน  2558
สารบัญ


หน้า
บทคัดย่อ.........................................................................................................................................
กิตติกรรมประกาศ...........................................................................................................................
สารบัญ............................................................................................................................................
บทที่ 1
บทนำ.......................................................................................................................
1

ความเป็นมาและความสำคัญ....................................................................................
1

วัตถุประสงค์ของการศึกษา.......................................................................................
1

วิธีการศึกษา.............................................................................................................
1

ขอบเขตการศึกษา....................................................................................................
1

ระยะเวลาและสถานที่การดำเนินงาน.......................................................................
2

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ.......................................................................................
2
บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง....................................................................................................
3

ความหมายของโสร่ง……………………………………………………………………………………..
3

ผ้าโสร่งลายหางกระรอก………………………………………………………………………………..
3

ผ้าโสร่งลายตาราง…………………………………………………………………………………………
4

ประโยชน์ของผ้าโสร่ง...............................................................................................
4
บทที่ 3
วิธีการดำเนินงาน......................................................................................................
5
บทที่ 4
ผลการศึกษา.............................................................................................................
6

สรุปและอภิปรายผล.................................................................................................
6
บรรณานุกรม.......................................................................................................................................
7
ภาคผนวก............................................................................................................................................
8

ประวัติผู้จัดทำ………………………………………………………………………………………………………………………
11




































บทที่ 1
บทนำ
ความเป็นมาและความสำคัญ
          คำว่า "โสร่ง" เป็นคำทับศัพท์จากภาษามลายู ว่า "Sarung" มีความหมายดังกล่าวมาแล้วข้างต้น สำหรับในภาษาไทย โสร่ง หมายถึงผ้านุ่งดังกล่าวมาข้างต้น แต่มักจะใช้เรียกเฉพาะผ้านุ่งของผู้ชาย ที่นิยมกันในหมู่ชาวไทยมุสลิม ทั้งสำหรับใช้ในบ้าน และแต่งออกนอกบ้าน เช่นไปมัสยิด หรือรับแขก ก็นิยมนุ่งโสร่งกันโดยปกติ คำว่า โสร่ง นั้นบางครั้งก็เรียกอย่างง่าย ๆ ว่า ผ้านุ่ง ได้เช่นกัน สำหรับชาวไทยที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม ก็มีการใช้ผ้าโสร่งบ้างเช่นกัน เช่น ในภาคอีสานตอนล่าง จะเป็นผ้าโสร่งไหม ลายตาหมากรุกขนาดใหญ่ อาจใช้ในพิธีการได้ด้วยผ้าโสร่งน่าจะมีใช้และคุ้นเคยกับคนไทยมาช้านาน แม้ว่าการใช้ผ้าโสร่งจะไม่แพร่หลายทั่วไปอย่างผ้าซิ่น ผ้าถุง หรือผ้าขาวม้า ก็ตาม แต่ปรากฏหลักฐานการใช้โสร่งในตัวหนังตะลุงบางตัว โดยเฉพาะตัวตลก ขณะเดียวกัน การแสดงบางอย่างของชาวไทยมุสลิม ก็นิยมนุ่งผ้าโสร่งเป็นแบบแผนผ้าโสร่งนั้นมีด้วยกันหลายลักษณะ ทั้งที่มีลวดลาย และมีสีพื้น แต่ผู้คนส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับผ้าโสร่งที่มีลายตารางคล้ายผ้าขาวม้า แต่ตารางของโสร่งมักจะมีตาใหญ่กว่า ทั้งนี้ก็เพราะโสร่งจะมีขนาดที่ใหญ่ กว่านั่นเอง กล่าวคือ ยาวเกือบจรดข้อเท้า ขณะที่ผ้าขาวม้ามักจะยาวลงไปไม่เกินครึ่งแข้งเท่านั้น

วัตถุประสงค์
1.  เพื่อศึกษาความเป็นมาของโสร่ง
2.  เพื่อศึกษาวิธีการทำผ้าโสร่ง
3.  เพื่อนำความนำความรู้ที่ได้ไปเผยแพร่แก่คนรุ่นต่อไป

สมมุติฐาน
1.  ผ้าไหมไทยมีถิ่นกำเนิดในภาคอีสานของไทย
2.  โสร่งแต่ละชนิดมีความแตกต่างในการทำ
3.  คนไทยนิยมหันมาใช้ผ้าโสร่งกันมากขึ้น

วิธีการศึกษา
1.  ศึกษาค้นคว้าความรู้เกี่ยวกับโสร่ง ซึ่งได้แก่ ความหมาย  ประวัติความเป็นมา  ความสำคัญ  ประโยชน์ จากแหล่งสารสนเทศ
2.  รวบรวมข้อมูลที่ได้จากการศึกษาค้นคว้ามาจัดทำรูปแบบการนำเสนอและเผยแพร่สู่สาธารณชน

ขอบเขตการศึกษา
1.  ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโสร่ง
      1.1  ประวัติความเป็นมาของผ้าโสร่ง
      1.2  ผ้าโสร่งลายหางกระรอก
      1.3  ประโยชน์ของผ้าโสร่ง
ระยะเวลาและสถานที่การดำเนินการ
1.  รายงานการศึกษาค้นคว้า เรื่อง งดงามอย่างไทย ร่วมใจอนุรักษ์โสร่ง ใช้ระยะเวลาในการศึกษาค้นคว้าและดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 19 เดือนพฤษภาคม  ถึง วันที่ 15  เดือนกันยายน พ.. 2558
2.  สถานที่ดำเนินการ  ได้แก่
     2.1 บ้านอาแวะ  ตำบลบุแกรง   อำเภอจอมพระ  จังหวัดสุรินทร์
     2.1 บ้านประทุน  ตำบลแตล    อำเภอศรีขรภูมิ  จังหวัดสุรินทร์

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
          1.  ได้รู้ถึงความเป็นมาและลักษณะของผ้าโสร่ง วิธีการ และการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
          2.  ได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์โสร่ง
          3.  ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์




บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
          รายงานการศึกษาค้นคว้าเรื่อง งดงามอย่างไทย ร่วมใจอนุรักษ์โสร่ง คณะผู้จัดได้ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องได้ดังนี้
          1.  ประวัติความเป็นมาของผ้าโสร่ง
          2.  ผ้าโสร่งลายหางกระรอก
          3.  ผ้าโสร่งลายตาราง
          4.  ประโยชน์ของผ้าโสร่ง
ประวัติความเป็นมาของผ้าโสร่ง
  คำว่า "โสร่ง" เป็นคำทับศัพท์จากภาษามลายู ว่า "Sarung" มีความหมายดังกล่าวมาแล้วข้างต้น สำหรับในภาษาไทย โสร่ง หมายถึงผ้านุ่ง โสร่ง เป็นผ้านุ่งอย่างหนึ่ง ที่ใช้ผ้าผืนเดียว เพลาะชายสองข้างเข้าด้วยกันเป็นถุง แบบเดียวกับผ้าถุง หรือผ้าซิ่น ใช้นุ่งอย่างแพร่หลาย ทั้งหญิงและชาย ในหลายประเทศของเอเชีย โดยเฉพาะเอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งรวมถึงประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านด้วย นอกจากนี้ยังนิยมใช้ในหลายท้องถิ่นในหมู่เกาะแถบมหาสมุทรแปซิฟิก โดยที่แต่ละท้องถิ่น จะมีชื่อเรียกต่างกันไป ทว่าอาจเรียกรวม ๆ ได้ว่า โสร่ง
ในบางท้องถิ่น โสร่งอาจนิยมใช้อย่างลำลอง สำหรับแต่งกายอยู่กับบ้าน แต่ในบางประเทศ เช่น พม่า เราจะพบว่าโสร่งเป็นผ้านุ่งที่นิยมใช้กันทั่วไป ทั้งในหมู่ชนชั้นสูง ระดับผู้บริหารประเทศ นักการเมือง กระทั่งพ่อค้าแม่ขาย นักศึกษา และผู้คนทั่วไป
ผ้าโสร่งโสร่งลายหางกระรอก
 "ผ้าหางกระรอก" เป็นผ้าทอโบราณที่มีลักษณะลวดลายเรียบง่าย แต่แฝงด้วยความประณีตและงดงาม โดยใช้เทคนิคการทอผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของชนเผ่าไทคือ "การควบเส้น" หรือคนไทยเรียกว่า "ผ้าหางกระรอก"ผ้าหางกระรอกถือเป็นผ้าโบราณที่พบมากในแถบอีสานใต้คือ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี และพบในภาคใต้ที่นครศรีธรรมราช ตรัง โฮลเปราะห์และสตรีใช้นุ่งทอเปลงเป็นลายริ้ว เรียกว่า โฮลแสร็ยจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ ชาวกูยนิยมใช้และทอผ้าไหมควบ สตรีชาวกูยมีความชำนาญในการตีเกลียวเส้นไหม เรียกว่า ละวี ตามความเชื่อ เรื่องความกลมเกลียวสามัคคีกันในครอบครัวและสายตระกูลที่นับถือผีด้วยกัน การนำไหมสองสีมาควบกันเรียกว่า กะนีวหรือ ผ้าหางกระรอกเมื่อนำมาใช้เป็นเส้นพุ่งทอกับเส้นยืน สีพื้นจะทำให้เกิดลายเหลื่อมกันเป็นสีเหลืองคล้ายหางกระรอก ลักษณะของผ้ากะนีวนี้ผิวสัมผัสจะมีความมันระยิบระยับ เมื่อนำไปส่องกับแดดจะแยกสีได้ชัดเจน ผู้ชายไทยกูย นิยมนุ่งผ้าไหมควบ           (หะจิกกะน้อบ) สำหรับนุ่งโจงกระเบน
ผ้าโสร่งลายตาราง
เป็นผ้าที่ทอกันมาแต่โบราณ ถือเป็นผ้าผืนสำคัญ ผืนหนึ่งของครอบครัวร่วมกับผ้าขาวม้า และผ้าหางกระรอก ที่ผู้เป็นภรรยา ลูก หลานผู้หญิงจะต้องทอไว้ให้พ่อบ้าน ปู่ ตา พี่น้อง ผู้ชายไว้ใช้ อาจทอด้วยเส้นไหม หรือเส้นฝ้ายก็ได้ ลักษณะของผ้าตารางหรือผ้าโสร่ง จะมีลักษณะเป็นตาตารางใหญ่ สี่เหลี่ยมจัตุรัส มีหลายสี ทั้งแดง เขียว เหลือง น้ำเงิน สลับกันตลอดทั้งผืน ขีดคั่นระหว่างตาตารางสีใหญ่นั้นด้วย ริ้วขีดคั่นสีแดง หรือสีขาวหรือสีเหลือง เป็นเส้นเล็ก ๆ ทั้งผืน ผ้าตาราง หรือผ้าโสร่งนี้จะมีหน้ากว้างประมาณ 1 เมตร ยาวประมาณ 2 เมตร แล้วเย็บเข้าด้วยกันเป็นถุง คล้ายกับผ้าซิ่นของผู้หญิง โทนสีของผ้าจะมี 2 โทน คือ ผ้าโสร่งแดง จะมีสีสันสดใส สำหรับผู้ชายที่มีอายุไม่สูงนัก ไม่เกิน 40 ปีแต่ถ้าเป็นผู้ชายสูงวัยจะใช้ผ้าโทนสีเข้ม เรียกว่า ผ้าโสร่งดำ

ประโยชน์ของผ้าโสร่ง
ใช้ในการนุ่งห่มการนุ่งผ้าโสร่งก็เหมือนกับการนุ่งผ้าถุง โดยทั่วไป คือ ต้อง นุ่งขึ้นมาจากเท้า ไม่ใช่พันรอบตัว ดึงขึ้นมาให้ขอบด้านบนเลยเอวเล็กน้อย จับปลายผ้าเหยียดออกไปจนสุด แล้วพับทบกลับมาให้แน่นหนาพอดีกับลำตัว แล้วพับขอบด้านบนลงมาเป็นชายพก ด้วยเหตุนี้ผ้าโสร่งจึงดูจะเป็นทางการ มีความเรียบร้อยมากกว่าผ้าขาวม้า ผ้าโสร่งจึงใช้นุ่งในที่สาธารณะได้ไม่ขัดเขินผ้าโสร่งนอกจากใช้เป็นนุ่งแล้ว ยังใช้เป็นผ้าห่ม ผ้านุ่งอาบน้ำ (คนไทยในอดีต และในชนบท ไม่มีห้องน้ำเฉพาะ อาจอาบน้ำใกล้บ่อ หรือในแม่น้ำลำคลอง) และยังใช้สอยอื่น ๆ ได้ เช่นเดียวกับผ้าขาวม้า นับเป็นผ้าสารพัดประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของไทย นอกจากนี้ยังใช้เป็นผ้าไหว้ในพิธีแต่งงาน สำหรับไหว้พ่อแม่ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวด้วย







                                                          บทที่ 3
วิธีการดำเนินการ
                   รายงานการศึกษาค้นคว้าเรื่อง งดงามอย่างไทย  ร่วมใจอนุรักษ์โสร่ง คณะผู้จัดทำได้ดำเนินการดังนี้
1.ตั้งประเด็นปัญหา  โดยการสังเกตลายของผ้าโสร่งที่ผู้ผลิตโสร่งได้ผลิตขึ้นมา
2.ศึกษาค้นคว้าข้อมูล ดังนี้
          2.1 เริ่มค้นคว้าแหล่งความรู้ในโรงเรียน เช่น  ห้องสมุด  สื่อสิ่งพิมพ์  สื่อ ICT และคุณครูที่มีความรู้เกี่ยวกับผ้าโสร่ง แหล่งเรียนรู้นอกสถานศึกษา เช่น เกษตรกรผู้ผลิตผ้าโสร่ง ในหัวข้อดังต่อไปนี้
                   2.1.1   ประวัติความเป็นมาของผ้าโสร่ง
                    2.1.2   ผ้าโสร่งลายหางกระรอก
                   2.1.3   ผ้าโสร่งลายตาราง
                    2.1.4   ประโยชน์ของผ้าโสร่ง
3. รวบรวมข้อมูลจากการศึกษาค้นคว้า  การสัมภาษณ์ มาวิเคราะห์ สังเคราะห์และเรียบเรียงข้อมูลตามหัวข้อ
4.จากนั้นนำข้อมูลที่ได้จากการศึกษาค้นคว้า มารวบรวมเป็นรูปเล่ม
5.นำเสนอแก่ผู้ที่สนใจจะศึกษา





                                                         บทที่ 4
ผลการศึกษา  สรุปและอภิปรายผล
          จากการ  รายงานเชิงวิชาการเรื่อง งดงามอย่างไทย ร่วมใจอนุรักษ์โสร่งคณะผู้จัดทำได้           ผลการศึกษา สรุปและอภิปรายผลดังนี้
ผลการศึกษา
        1. จากการศึกษาประวัติความเป็นมาของผ้าโสร่งพบว่า ผ้าโสร่ง เป็นผ้าทอของคนในสมัยก่อน เป็นผ้าฝ้ายที่ทอด้วยมือ ผ้าโสร่งจะเย็บติดกันไป เวลาใส่ก็จะพันรอบๆตัวเราเหมือนผ้าโสร่งทั่วๆไป แล้วก็จะเอาเข็มขัดมาใส่ไว้ที่เอวเพื่อให้ผ้าที่สวมใส่มีความกระชับมากขึ้นและไม่ให้หลุดออกจากตัว ผ้าโสร่งน่าจะมีใช้และคุ้นเคยกบคนไทยมาช้านาน แม้ว่าการใส่ผ้าโสร่งจะไม่แพร่หลายทั่งไปอย่างผ้าซิ่น ผ้าถุง หรือผ้าขาวม้า ก็ตาม แต่ปรากฏหลักฐานการใช้ผ้าโสร่งในหนังตะลุงบางตัว โดยเฉพาะตัวตลก ขณะเดียวกัน การแสดงบางอย่างของชาวมุสลิม ก็นิยมนุ่งผ้าโสร่งเป็นแบบแผน ผ้าโสร่งนั้นมีด้วยกันหลายลักษณะ ทั้งที่มีลวดลาย และมีสีพื้น แต่ผู้คนส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับผ้าโสร่งที่มีลายตารางคล้ายผ้าขาวม้า แต่ตารางของผ้าโสร่งมักจะมีตาใหญ่กว่า ทั้งนี้ก็เพราะโสร่งจะมีขนาดที่ใหญ่กว่า
        2. จากการศึกษาพบว่า การนุ่งผ้าโสร่งก็เหมือนกับการนุ่งผ้าถุง โดยทั่วไป คือต้องนุ่งขึ้นมาจากเท้าไม่ใช่พันรอบตัว ดึงขึ้นมาให้ขอบด้านบนเลยเอวเล็กน้อย จับปลายผ้าเหยียดออกไปจนสุดแล้วพันทบกลับมาให้แน่นหนาพอดีกับลำตัว แล้วพับขอบด้านบนลงมาเป็นชายพก ด้วยเหตุนี้ผ้าโสร่งจึงดูจะเป็นทางการ มีความเรียบร้อยมากกว่าผ้าขาวม้า ผ้าโสร่งจึงใช้นุ่งในที่สาธารณะได้ไม่ขัดเขิน นอกจากใช้นุ่งแล้ว ยังใช้เป็นผ้าห่ม ผ้านุ่งอาบน้ำ เช่นเดียวกับผ้าขาวม้านับเป็นผ้าสารพัดประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของไทย นอกจากนี้ยังใช้เป็นผ้าไหว้ในพิธีแต่งงาน สำหรับไหว้พ่อแม่ของเจ้าบ่าวเจ้าสาวด้วย ปัจจุบันนี้มีการผลิตผ้าโสร่งจากวัสดุต่างๆ เช่น ฝ้าย ไหม และเส้นใยสังเคราะห์ และทอด้วยลวดลายต่างๆ ทั้งลายขัดพื้น ลายตารางหมากรุก และอาจมีลวดลายพื้นๆ







บรรณานุกรม

วลี  มโนมัธย์.  (2554).  เอกลักษณ์ของไหมไทย.  สืบค้นเมื่อ 1 กันยายน 2558, จาก  

       http://www.thaikasetsart.com/

สมาคมไหมไทย.  (2555).  เรื่องเกี่ยวกับไหมไทย.  สืบค้นเมื่อ 1 กันยายน 2558, จาก   

       www.thaisilk.or.th

ตำบล.  (2556).  โสร่ง.  สืบค้นเมื่อ 1 กันยายน 2558, จาก www.thaitambon.com

thaiPBS.   (2555).  ความงดงามของโสร่ง.  สืบค้นเมื่อ 2 กันยายน 2558, จาก

       http://news.thaipbs.or.th

สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวันครราชสีมา.  (2555).  ผลิตภัณฑ์ผ้าไหม. สืบค้นเมื่อ 2 กันยายน   
       2558, จาก http://www.cddkorat.com/silk/p2.html





















ภาคผนวก

ย้อมสีเส้นไหมเพื่อเอาไปทอเป็นผ้าโสร่ง

ล้างสีย้อมไหมออก

นำไหมที่ย้อมเสร็จแล้วมาตาก


ผ้าโสร่งที่ทอได้

























































































































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น